SEO tools
วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556
10 เครื่องมือพื้นฐานที่ชาว Blogger ควรมี
10 เครื่องมือพื้นฐานที่ชาว Blogger ควรมี
หลังจากที่ได้นำเสนอบทความในการปรับแต่งบล็อกมาหลายบทความแล้ว ผมคาดว่า
Trick ต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอไปนั้นบางอย่างก็ทำตามได้ง่าย
แต่บางอย่างก็มีความซับซ้อนในการปรับแต่ง โดยเฉพาะเรื่องกับปรับแต่ง CSS
Style และ HTML code
ซึ่งเป็นเรื่องยากพอสมควรสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นแบบไม่ทราบความรู้เหล่า
นี้มาก่อน
บทความนี้ผมจึงขอเสนอเครื่องมือพื้นฐานที่จะช่วยในการปรับแต่ง Blogger ให้ง่ายขึ้น และทุกคนที่จะทำบล็อกให้ดูเป็นมืออาชีพ ก็ควรจะมีเครื่องมือเหล่านี้
บทความนี้ผมจึงขอเสนอเครื่องมือพื้นฐานที่จะช่วยในการปรับแต่ง Blogger ให้ง่ายขึ้น และทุกคนที่จะทำบล็อกให้ดูเป็นมืออาชีพ ก็ควรจะมีเครื่องมือเหล่านี้
1. Window Live Writer
เครื่องมือนี้จะช่วยให้การเขียนบล็อกของคุณสะดวกขึ้นมาก เพราะมีฟังก์ชันใกล้เคียงกับ Microsoft word คุณจะสามารถปรับแต่งรูปแบบอักษร หรือแทรกตาราง หรือแทรกรูปภาพ และจัดการกับรูปภาพ ได้ง่ายขึ้นอย่างมาก คุณสามารถดูรายละเอียดและดาวน์โหลดได้จากบทความ เขียนบทความแบบเทพๆ ด้วย Windows Live Writer
2. Hex Color Finder
เครื่องมือนี้เป็น Software ที่จะช่วยให้คุณทราบโค้ดสีที่เห็นหรือสร้างโค้ดสีที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย ถ้าต้องการทำบล็อกให้ดูมืออาชีพ เครื่องมือนี้ขาดไม่ได้เลยครับ ดูรายละเอียดและดาวน์โหลดได้จากบทความ รู้ Color Code ง่ายๆ ด้วย Hex Color Finder
วิธีสมัครเข้าร่วม Networkedblogs บน Facebook
วิธีสมัครเข้าร่วม Networkedblogs บน Facebook
ตามที่ได้กล่าวไว้ในบทความ “การโปรโมทบล็อกตอนที่ 3 : การเข้าร่วมชุมชนคนทำบล็อก” ผู้อ่านก็ได้ทราบถึงประโยชน์จาการ Submit blog กับ blog directory และแหล่งในการ Submit ไปแล้ว แต่ที่ยังขาดไปคือขั้นตอนในการสมัครเข้าร่วมชุมชนคนทำบล็อกที่ยังติดค้างเอา ไว้ เนื่องจากถ้าอธิบายรวมกันในบทความเดียว ก็จะเสียนัยของบทความนั้นไป และจะทำให้บทความยาวเกินความจำเป็น
ในบทความนี้ผมจึงมาขยายความถึง ขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมชุมชนคนทำบล็อกที่ได้กล่าวเอาไว้โดย บทความนี้จะกล่าวถึง การ เข้าร่วม Networkedblogs บน facebook
การอธิบายการเข้าร่วม Networkedblogs ผมจะแบ่งเป็น 2 ตอนได้แก่
ตอนที่ 1 ขั้นตอนการสมัคร
ตอนที่ 2 รายละเอียดการตั้งค่า
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 4: การ Submit blog กับ Social Bookmark
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 4: การ Submit blog กับ Social Bookmark
บทความนี้จะแนะนำถึงการโปรโมทบล็อก blog ของคุณผ่าน Social Bookmark (หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า Pligg) ซึ่งปัจจุบันเป็นช่องทางการโปรโมทบล็อกที่ได้ผลดีมาก และจะทำให้บล็อกของคุณติดอันดับการค้นหาลำดับต้น ๆ ได้ไม่ยากเลยทีเดียว
เนื่องจาก Social Bookmark เป็นบริการที่มีการ update อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น bot ของ search engine ก็จะมาเก็บข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ แทบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ ดังนั้นหากเรา submit บล็อกของเรา หรือเรื่องราวบนบล็อกของเราไปสู่ Social Bookmark ข้อมูลที่เรา submit ไปก็จะถูก bot ของ Search engine ค้นพบอย่างรวดเร็วไปด้วย นอกจากนี้ Social Bookmark ส่ง backlink กลับมายังบล็อกของเราแบบ dofollow (หรือบางแห่งอาจจะเป็น Nofollow) ทำให้ bot ของ search engine ไต่มาหาบล็อกของเราและเก็บ index ไปอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลให้ traffic(จำนวนคนเข้าบล็อก) และ pagerank(คะแนนคุณภาพของเว็บไซต์) บล็อกของเราเพิ่มขึ้นตามมาด้วยนั่นเองครับ
เมื่อพอทราบแนวคิดและเห็นประโยชน์ในการ Submitblog กับ Social Bookmark ต่อไปก็จะแนะนำแหล่งให้บริการและ เทคนิคเพิ่มเติมในการ Submit
แหล่งบริการ Social Bookmark ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้ครับ
เนื่องจาก Social Bookmark เป็นบริการที่มีการ update อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น bot ของ search engine ก็จะมาเก็บข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ แทบจะตลอดเวลาก็ว่าได้ ดังนั้นหากเรา submit บล็อกของเรา หรือเรื่องราวบนบล็อกของเราไปสู่ Social Bookmark ข้อมูลที่เรา submit ไปก็จะถูก bot ของ Search engine ค้นพบอย่างรวดเร็วไปด้วย นอกจากนี้ Social Bookmark ส่ง backlink กลับมายังบล็อกของเราแบบ dofollow (หรือบางแห่งอาจจะเป็น Nofollow) ทำให้ bot ของ search engine ไต่มาหาบล็อกของเราและเก็บ index ไปอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลให้ traffic(จำนวนคนเข้าบล็อก) และ pagerank(คะแนนคุณภาพของเว็บไซต์) บล็อกของเราเพิ่มขึ้นตามมาด้วยนั่นเองครับ
เมื่อพอทราบแนวคิดและเห็นประโยชน์ในการ Submitblog กับ Social Bookmark ต่อไปก็จะแนะนำแหล่งให้บริการและ เทคนิคเพิ่มเติมในการ Submit
แหล่งบริการ Social Bookmark ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้ครับ
http://slashdot.org/ Pr8
http://www.propeller.com/ Pr8
http://www.digg.com Pr8
การ โปรโมทบล็อกตอนที่ 3 : การเข้าร่วมชุมชนคนทำบล็อก
การ โปรโมทบล็อกตอนที่ 3 : การเข้าร่วมชุมชนคนทำบล็อก
บทความนี้ผมจะแนะนำถึงการ เข้าร่วมชุมชนของคนทำบล็อก หรือจะเรียกว่าเป็นการ Submit blog เข้าสู่ blog directory ก็ได้
blog directory คืออะไร? มันก็คือแหล่งรวมของคนที่ที่ทำบล็อกจะนำบล็อกของตนเองไปโปรโมทให้โลก Internet ได้รับรู้ว่ายังมีบล็อกเกี่ยวกับเรื่องที่คุณทำอยู่อีกหนึ่งบล็อก
ในปัจจุบัน ปี 2010 blogdirectory มีมากมาย ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็มีทั้งแหล่งที่เป็นที่รู้จักและไม่เป็นที่รู้จัก มีทั้งให้บริการแบบฟรี ๆ และเสียเงิน มีทั้งให้บริการโปรโมทบล็อกอย่างเดียว และบางที่ก็ทั้งรับโปรโมทและมีการสร้างเป็นชุมชนขึ้นมาด้วย
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 2 : การ Submit Feed และ Ping
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 2 : การ Submit Feed และ Ping
ต่อเนื่องจากตอนที่ 1 ซึ่งได้นำเสนอการส่ง Sitemap กับ Top 4 ของ Search
Engines(SE) ไปแล้ว บทความนี้ก็เป็นบันไดขั้นที่ 2
ที่จะก้าวสู่การโปรโมทบล็อกให้ครบทุกมิติ
การ Submit Feed ในที่นี้ หมายถึงการ ส่ง feed บล็อกของเราไปยัง Feed directory ซึ่งเป็นแหล่งที่จะรวบรวม feed ที่ส่งมาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ หรือบล็อกของเราเป็นต้น โดยเราจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียนให้มีการส่ง Feed ไปยัง Feed directory เหล่านั้นด้วยตัวเองเสียก่อน
การแพร่กระจาย feed ของเราด้วยวิธีนี้จะทำให้ SE พบข่าวสารจากบล็อกของเราง่ายขึ้นและยังทำให้ทราบทุกการ update บล็อกของเราเป็นระยะ ๆ ด้วย
ในทำนองเดียวกันการ Submit Ping ก็เป็นการส่งข่าวสารไปยังแหล่งต่าง ๆ ให้ Robot ของ SE ทราบว่าบล็อกของเรามีการ update แล้ว เข้ามาดูได้เลย (ประมาณว่าไม่ต้องรออีกหลายวัน ตามยะถากรรม)
เอาล่ะครับเมื่อเข้าใจ Concept การ Submit Feed และ Submit Ping แล้วมาลงมือทำกันเลยครับ
การ Submit Feed ในที่นี้ หมายถึงการ ส่ง feed บล็อกของเราไปยัง Feed directory ซึ่งเป็นแหล่งที่จะรวบรวม feed ที่ส่งมาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ หรือบล็อกของเราเป็นต้น โดยเราจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียนให้มีการส่ง Feed ไปยัง Feed directory เหล่านั้นด้วยตัวเองเสียก่อน
การแพร่กระจาย feed ของเราด้วยวิธีนี้จะทำให้ SE พบข่าวสารจากบล็อกของเราง่ายขึ้นและยังทำให้ทราบทุกการ update บล็อกของเราเป็นระยะ ๆ ด้วย
ในทำนองเดียวกันการ Submit Ping ก็เป็นการส่งข่าวสารไปยังแหล่งต่าง ๆ ให้ Robot ของ SE ทราบว่าบล็อกของเรามีการ update แล้ว เข้ามาดูได้เลย (ประมาณว่าไม่ต้องรออีกหลายวัน ตามยะถากรรม)
เอาล่ะครับเมื่อเข้าใจ Concept การ Submit Feed และ Submit Ping แล้วมาลงมือทำกันเลยครับ
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 1 : วิธี Submit sitemap สำหรับ Blogger
การโปรโมทบล็อกตอนที่ 1 : วิธี Submit sitemap สำหรับ Blogger
หลังจากที่ผมได้แนะนำเทคนิคต่าง ๆ ในการปรับแต่ง และใช้งาน blogger มามากแล้ว และถ้าหากสมาชิกได้ติดตามและหยิบประโยชน์จากบทความที่สนใจไปใช้ประโยชน์ ผมก็คาดว่าบล็อกของคุณก็คงจะดูดีเป็นมีความเป็นมืออาชีพ กันเรียบร้อยแล้ว
บทความหลัง ๆ นี้ผมก็จะนำเสนอชุดบทความในการโปรโมทบล็อก ให้เป็นที่รู้จักในโลกอินเตอร์เนตมากขึ้น ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และก็ต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าบทความที่เขียนขึ้นนั้นได้จากประสบการณ์ตรงบทความจะขอเน้นที่วิธีการทำให้สำเร็จมากกว่าจะเน้นอธิบายในเชิงทฤษฎี
สำหรับบันไดขั้นแรกในการโปรโมทบล็อกของผมก็ขอนำเสนอวิธีการ submit sitemap กับ google , yahoo, และ bing(Msn live search) และ อื่น ๆ
1. การ submit sitemap กับ Google นั้นผมได้กล่าวถึงไว้แล้วผู้อ่านสามารถศึกษาได้ >> ที่นี่
Roadmap การทำ SEO สำหรับ Blogger
Roadmap การทำ SEO สำหรับ Blogger
แนวทางการทำ SEO นี้ผมเขียนขึ้นมาเป็นแนวทางให้กับ Blogger มือใหม่ เพราะสำหรับมือใหม่แล้วก็จะยังไม่ทราบข้อมูลเรื่อง SEO และยังไม่เข้าใจว่า SEO
คืออะไร? ทำไมต้องทำ SEO ? และการทำ SEO มีแนวทางอย่างไร? Blogger
บางท่านก็อาจจะพอมีข้อมูลและได้ทดลองทำไปบ้างแล้วแต่ยังไม่ทราบแนวทางและ
ขั้นตอนการทำ SEO ที่ชัดเจน ก็สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความนี้
SEO คืออะไร?
SEO หรือ Search Engine Optimization คือกระบวนการทำให้ข้อมูลของเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกที่เราสร้างถูกค้นพบได้ ง่ายที่สุด อาจเป็นการปรับแต่งองค์ประกอบภายในเว็บไซต์หรือเว็บบล็อก เช่นชื่อโดเมน title ของบล็อก ชื่อบทความ และองค์ประกอบภายนอก เช่นการสร้างลิงค์จากภายนอกมายังเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกให้มากที่สุด เป้าหมายก็เพื่อให้อันดับในการค้นหาจาก Search Engine ดีที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบล็อกของคุณเขียนเกี่ยวกับเรื่อง อาหารไทย เมื่อผมค้นหาข้อมูลใน google โดยใช้คำค้นว่า “อาหารไทย” ผมก็ควรจะพบบล็อกของคุณก่อนใครนั่นคืออยู่อันดับที่ 1 ในการค้นหา หรือในกรณีมีคู่แข่งหรือปริมาณการค้นหาจำนวนมาก การติดอันดับ 1 ใน 10 ก็เพียงพอแล้ว
ทำไมต้อง Google ? ที่จริงแล้ว Search Engine ไม่ได้มีเพียง Google เท่านั้นยังมี Bing ,yahoo ,Ask ,Alexa ฯลฯ แต่ Google เป็นบริการที่มีคนใช้มากที่สุด ดังนั้นถ้าเราติดอันดับที่ 1 ในผลการค้นหาจาก Google.com ด้วยคำค้นที่นิยมได้ คนเข้าบล็อกก็จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
SEO คืออะไร?
SEO หรือ Search Engine Optimization คือกระบวนการทำให้ข้อมูลของเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกที่เราสร้างถูกค้นพบได้ ง่ายที่สุด อาจเป็นการปรับแต่งองค์ประกอบภายในเว็บไซต์หรือเว็บบล็อก เช่นชื่อโดเมน title ของบล็อก ชื่อบทความ และองค์ประกอบภายนอก เช่นการสร้างลิงค์จากภายนอกมายังเว็บไซต์หรือเว็บบล็อกให้มากที่สุด เป้าหมายก็เพื่อให้อันดับในการค้นหาจาก Search Engine ดีที่สุด
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าบล็อกของคุณเขียนเกี่ยวกับเรื่อง อาหารไทย เมื่อผมค้นหาข้อมูลใน google โดยใช้คำค้นว่า “อาหารไทย” ผมก็ควรจะพบบล็อกของคุณก่อนใครนั่นคืออยู่อันดับที่ 1 ในการค้นหา หรือในกรณีมีคู่แข่งหรือปริมาณการค้นหาจำนวนมาก การติดอันดับ 1 ใน 10 ก็เพียงพอแล้ว
ทำไมต้อง Google ? ที่จริงแล้ว Search Engine ไม่ได้มีเพียง Google เท่านั้นยังมี Bing ,yahoo ,Ask ,Alexa ฯลฯ แต่ Google เป็นบริการที่มีคนใช้มากที่สุด ดังนั้นถ้าเราติดอันดับที่ 1 ในผลการค้นหาจาก Google.com ด้วยคำค้นที่นิยมได้ คนเข้าบล็อกก็จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
วิธีทำบล็อก วิธีสร้างบล็อก การเขียนบล็อก blogger การทำ SEO เริ่มต้นที่นี่
บทความนี้ผมเขียนขึ้นมาเพื่อมือใหม่ที่ต้องการทำบล็อกของ Blogger หรือที่เรียกว่า Blogspot แต่
ไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำบล็อกหรือเว็บไซต์มาก่อน
ซึ่งส่วนใหญ่พอเข้ามาที่บล็อกนี้
ก็จะหลงทางจับต้นชนปลายยังไม่ถูกว่าควรจะเริ่มอ่านบทความไหนก่อนดี
เป็นเพราะว่าตอนนี้บทความที่ผมเขียนมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณ 250
บทความแล้ว
เอาล่ะครับสมมติว่าตอนนี้คุณอยากจะทำบล็อกของ Blogger หรือที่เรียกว่า Blogspot ผมขอแนะนำให้คุณอ่านบทความในบล็อกนี้และทำ ตามลำดับขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 ตั้งเป้าหมายและเลือก keyword ในการทำบล็อก
การเริ่มต้นครั้งแรกคุณควรจะวางเป้าหมายหรือจุดประสงค์ในการทำบล็อกให้ชัดเจน ว่าจะทำเป็นบล็อกส่วนตัว บล็อกเพื่อการศึกษา เพื่อความบันเทิง เฉพาะเรื่อง หรือเพื่อธุรกิจ
เอาล่ะครับสมมติว่าตอนนี้คุณอยากจะทำบล็อกของ Blogger หรือที่เรียกว่า Blogspot ผมขอแนะนำให้คุณอ่านบทความในบล็อกนี้และทำ ตามลำดับขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 ตั้งเป้าหมายและเลือก keyword ในการทำบล็อก
การเริ่มต้นครั้งแรกคุณควรจะวางเป้าหมายหรือจุดประสงค์ในการทำบล็อกให้ชัดเจน ว่าจะทำเป็นบล็อกส่วนตัว บล็อกเพื่อการศึกษา เพื่อความบันเทิง เฉพาะเรื่อง หรือเพื่อธุรกิจ
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Godaddy และชี้มายัง Blogspot
ที่จริงก็มีบทความที่หลายคนเคยเขียนเกี่ยวกับการจดโดเมนกับ Godaddy อยู่บน
internet พอสมควร แต่ข้อมูลบางอย่างก็ยังไม่ update เมนูการใช้งานต่าง ๆ บน
Godaddy ก็เปลี่ยนไปแล้ว และเนื่องจากยังไม่มีใครนำเสนอการจดโดเมนกับ
Godaddy โดยตรงและชี้มายัง Blogspot
ผมจึงขอเขียนเล่าประสบการณ์ให้ฟังกันในโอกาสนี้ไปเลย
จดโดเมนโดยตรงกับ Godaddy มีข้อดีอย่างไร?
ข้อดีที่พบอย่างชัดเจนคือเราสามารถใช้ Godaddy Coupon ลดราคาได้ แต่เราก็จะไม่ได้ใช้ Google Applications เหมือนกับการจดโดเมนผ่าน Blogger โดยตรง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะบาง Godaddy Coupon ก็ลดราคาได้ถูกลงถึง 1.5$ หรือเพียง 46 บาทต่อหนึ่งโดเมนเท่านั้น
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือถ้าเราเกิดเปลี่ยนใจอยากชี้โดเมนไปที่โฮสที่เราเช่าเอาไว้วันไหนก็สามารถทำได้อีกด้วย
เอาล่ะครับมาถึงขั้นตอนการลงทะเบียนโดเมนกับ Godaddy ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมคือ บัตรเครดิต หรือมีบัญชี paypal ก็ได้
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Godaddy และชี้มายัง Blogspot มี 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ ลงทะเบียนชื้อโดเมนกับ Godaddy การตั้งค่า DNS ใน Godaddy และส่วนที่สามคือการตั้งค่าใน Blogspot
ขั้นที่ 1 ลงทะเบียนโดเมนกับ Godaddy
1.1 เตรียมชื่อโดเมนให้พร้อม แนะนำว่าสำรองชื่อที่มีการเติม prefix-suffix เอาไว้บ้างเผื่อว่าโดเมนนั้นจะไม่ว่างแล้ว
จดโดเมนโดยตรงกับ Godaddy มีข้อดีอย่างไร?
ข้อดีที่พบอย่างชัดเจนคือเราสามารถใช้ Godaddy Coupon ลดราคาได้ แต่เราก็จะไม่ได้ใช้ Google Applications เหมือนกับการจดโดเมนผ่าน Blogger โดยตรง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะบาง Godaddy Coupon ก็ลดราคาได้ถูกลงถึง 1.5$ หรือเพียง 46 บาทต่อหนึ่งโดเมนเท่านั้น
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือถ้าเราเกิดเปลี่ยนใจอยากชี้โดเมนไปที่โฮสที่เราเช่าเอาไว้วันไหนก็สามารถทำได้อีกด้วย
เอาล่ะครับมาถึงขั้นตอนการลงทะเบียนโดเมนกับ Godaddy ซึ่งสิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมคือ บัตรเครดิต หรือมีบัญชี paypal ก็ได้
ขั้นตอนการจดโดเมนกับ Godaddy และชี้มายัง Blogspot มี 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ ลงทะเบียนชื้อโดเมนกับ Godaddy การตั้งค่า DNS ใน Godaddy และส่วนที่สามคือการตั้งค่าใน Blogspot
ขั้นที่ 1 ลงทะเบียนโดเมนกับ Godaddy
1.1 เตรียมชื่อโดเมนให้พร้อม แนะนำว่าสำรองชื่อที่มีการเติม prefix-suffix เอาไว้บ้างเผื่อว่าโดเมนนั้นจะไม่ว่างแล้ว
วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555
สิ่งที่ควรทำสำหรับ การทำ SEO 13 ข้อ
สิ่งที่ควรทำสำหรับ การทำ SEO 13 ข้อ
Posted by admin On February - 28 - 2009
สิ่งที่ควรทำสำหรับ SEO
- เลือกใช้ Web Hosting ที่มีคุณภาพสูง ไม่ล่มบ่อย เพราะ Robots จะไม่สามารถเข้ามาทำการเก็บข้อมูลใหม่ได้
- อัพเดทเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ Search Engine ก็ให้ความสนใจกับวันที่ Update ของไฟล์นั้นด้วย
- ถ้าหน้าเพจทำออกมาแล้วยาวเกินไป ให้ตัดเนื้อหาออกมา แล้วนำเสนอเป็นหัวข้อใหม่ในหน้าเพิ่มเติม
- พยายามทำให้ขนาดของไฟล์ HTML ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะส่งผลดีต่อทั้ง Robots และ Visitor
- Title ในทุก ๆ หน้า อย่าทำให้ซ้ำกัน
- ให้ความสนใจในการจัดเก็บไฟล์เอกสารอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการเปิด และอยู่ในเว็บไซต์ ทั้ง PDF และ Word โดยการใช้ robots.txt เข้าช่วยไม่เช่นนั้นไฟล์เอกสารพวกนี้อาจจะทำให้เว็บไซต์ของเราโดนแบนโดยรู้เท่าไม่ถึงการ
- ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าใช้ Folder ในการเก็บเอกสาร HTML
- ควรมีลิงค์ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนท้ายของทุกๆหน้าเพจที่มีการนำเสนอ Content
- การติดตั้ง Java Script แบบผิดวิธี และไม่ได้แก้ไข อาจส่งผลเสียต่อการทำงานของ Robots
- ควรมีความรู้ในเรื่อง Stylesheet เพราะสิ่งนี้ช่วยให้เราสามารถคุมหน้าเพจทั้งหมดไว้ได้
- การเน้นการทำอันดับที่ Google แห่งเดียวเท่านั้น Meta Tag Keyword – Description ลบออกไปได้เลยครับ
- การทำ Submission ที่ ODP และ Yahoo Directory รับประกันว่าคุ้มค่าต่ออันดับการแสดงผลแน่นอน ถึงแม้ว่าที่ Yahoo Directory อาจต้องมีการเสียเงินบ้าง แต่เหมาะสมกับการหวังผลในการทำอันดับสูงสุด
- การใช้ Signature ที่ลงในรายละเอียดของเว็บไซต์เรา ใน Forum ต่างๆ จะช่วยสร้าง Link Popularity ได้อีกทาง
Backlink Checker เช็คแบ็คลิงค์กันหน่อยมั๊ย
Backlink Checker เช็คแบ็คลิงค์กันหน่อยมั๊ย
Posted by admin On July - 7 - 2011
Backlink Checker เพื่อเช็คแบ็คลิงค์
1. อันดับแรก ให้เราไปที่เว็บ http://www.online-utility.org/webmaster/backlink_domain_analyzer.jsp
2. พิมพ์ url ของเว็บเรา ลงไป แล้วกด enter หรือ กดปุ่ม check
3. รอสักพัก แล้วเราจะได้รับรายงานการได้ Backlink ของเว็บที่เราใส่ลงไปว่า มี Backlinks มาจากเว็บไหนบ้าง
คำแนะนำ :
- ให้สังเกต Different Domain ถ้าต้องการอันดับดีๆ จงจำไว้ว่า ยิ่งมาจากโดเมนที่ต่างกัน ยิ่งทำให้อันดับของเราดีขึ้น
- หาลิงค์จากเว็บที่มี Trust Rank สูงๆ โดยเฉพาะเว็บ .ac.th, .go.th, .or.th (สำหรับเว็บภาษาไทย) หรือ .edu, .gov, .org สำหรับเว็บภาษาอังกฤษครับ
- ที่เหลือก็คือการสร้าง Backlinks ให้ได้เท่ากับหรือมากกว่าคู่แข่ง อันดับของคุณต้องดีขึ้นแน่ๆ ครับ
เทคนิค SEO โดยใช้ Google Adwords
เทคนิคในการจัดทำ SEO โดยใช้ Google Adwords
คำตอบของผมก็คือว่า เราสามารถนำ Google Adwords มาประยุกต์ใช้ในการทำ SEO ได้ และได้อย่างดีทีเดียวครับ ดังที่เพื่อนๆคงจะได้ทราบวิธีการทำงานของ Google Adwords กันไปเรียบร้อยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า โฆษณาบน Google Adwords นั้น เป็นโฆษณาที่มีผลกับจิตใจของผู้เห็นโฆษณาภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น เท่ากับว่า ผลลัพธ์ SEO ที่ได้จากการโฆษณาบน Google Adwords นั้น เป็นผลลัพธ์ SEO ที่ดีเยี่ยมยิ่งกว่าโพลใด ๆ ครับ เช่น ถ้าเรา ทำโฆษณาขึ้นมา 2 ชิ้น แล้วทำการโฆษณาแข่งกันบน Google หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์สามารถที่จะสรุปเบื้องต้นได้แล้วว่า SEO ข้อความโฆษณาทางด้านซ้ายมือนั้น มีผลในการเรียกความสนใจของผู้ที่อ่านได้มากกว่า (ใน Keywords นั้นๆ) รวมทั้งการใช้ Google Adwords นั้น เราสามารถทำการทดสอบและปรับเปลี่ยนข้อความโฆษณาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราสามารถหา Keywords และข้อความโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงได้โดยเร็ว
ดังนั้นถ้าหากเราจะใช้ประโยชน์จาก Google Adwords เพื่อเทคนิคการทำ SEO ของเว็บไซต์นั้น ผมแนะนำให้ทำดังนี้
• ลองทำการโฆษณาเว็บไซต์ของตนเองด้วย Google Adwords ก่อน เพื่อหา Keywords ข้อความโฆษณา และ landing page ที่มีประสิทธิภาพในการโฆษณาเว็บไซต์ของเราก่อน
• เมื่อเรามี Keyword และข้อความโฆษณาที่สามารถทำกำไรให้กับเราได้แล้ว ก็ลองนำ Keyword, ข้อความโฆษณา และ landing page ชุดนั้นไปโฆษณาบน PPC อื่นๆ เช่น Overture.com, Findwhat.com แล้วดูว่ายังสามารถทำกำไรให้เราได้หรือไม่
• ถ้าหากเราสามารถทำกำไรได้จาก Keyword , ข้อความโฆษณา และ landing page ชุดนั้น เราก็ค่อยทำ SEO เว็บไซต์ของเรา โดยการใช้ Keyword , ข้อความโฆษณา และ landing page ชุดนั้น โดยเราควรจะเลือกทำ SEO กับ Keyword ที่ทำกำไรให้กับเรามากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก
ดังนั้นจะเห็นว่า Google Adwords นั้นจะช่วยให้ประโยชน์ในการทำ SEO โดยจะทำให้เราสามารถค้นหา Keywords, ข้อความโฆษณา และ landing page ที่มีความสัมพันธ์กัน ได้โดง่ายและรวดเร็วมากกว่าแต่ก่อนครับ / บทความวิธีหาเงินจาก google adsense
นอกจากนั้นการทำ SEO ด้วยวิธีนี้ ยังจะทำให้เราสามารถทำกำไรกลับมาได้สูง เพราะว่า เราเน้นการทำ SEO ในชุด Keyword, ข้อความโฆษณา และ landing page ที่สามารถทำกำไรกลับมาให้เราได้สูงอยู่แล้ว (เรารู้ตั้งแต่ก่อนทำ SEO แล้ว ด้วยการทดลองบน Google Adwords ถูกไหมครับ)
โดยสรุปแล้ว Google Adwords นั้นสามารถนำมาเป็นสื่อในการทดสอบการทำ SEO ได้นั่นเอง เพราะทำได้ง่ายดายกว่ามาก จนกระทั่งเมื่อไหร่ที่เรามี Keywords, ข้อความโฆษณา และ landing page ที่คิดว่าดีและทำกำไรได้แล้ว จึงค่อยนำสิ่งเหล่านั้นไปใช้ในการทำ SEO แบบทั่วไปครับ
Dofollow คืออะไร ต่างกับ Nofollow ยังไง?
Dofollow คืออะไร ต่างกับ Nofollow ยังไง?
วิธีการใช้งาน Dofollow และ Nofollow
วันนี้ผมไปอ่านเจอBlogนึ่งมีประโยชน์มากเลยครับ ทำให้รู้ความหมายของ DoFollow & NoFollow คืออะไร เอาไว้ทำอะไรลองอ่านกันดูนะครับ
คำนี้เคยได้ยินกันไหมครับ DoFollow กับ Nofollow ถ้าเป็น Webmaster สมัยนี้ หรือ ผู้ที่ำทำ Blog น่าจะพอเข้าใจและได้ยินมาบ้าง วันนี้ผมจะมาอธิบายให้ฟังครับว่า มันคืออะไร?
DoFollow และ NoFollow เป็น Attribute ในการทำลิงค์ (AnchorTag) ซึ่งทั้ง 2 แบบนั้น ให้ผลที่แตกต่างกันค่อยข้างมาก ผมจะยกตัวอย่าง html ที่ใช้ attribute Nofollow ครับ เพราะโดย Default ของ Anchor Tag จะเป็น DoFollow อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเราจะใส่ NoFollow ก็ตามนี้เลยครับ
rel=”nofollow“>
Dofollow vs Nofollow
หลังๆ ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาอัพเดทเว็บ SEO เลย เว็บเงียบๆ ไป วันก่อนไปเจอเกี่ยวกับ Dofollow กับ Nofollow ซึ่งเป็นที่กังขาของเหล่าเว็บมาสเตอร์ในยุคนี้กันมาก เลยค้นหาข้อมูลมาฝากครับวิธีการใช้งาน Dofollow และ Nofollow
- ถ้าต้องการให้ Nofollow ทั้งเว็บ ให้ใส่โค้ด <META NAME=“ROBOTS” CONTENT=“NOFOLLOW”> ไว้ในส่วนบน ก่อนคำสั่ง นะครับ
- ถ้าต้องการให้ Nofollow บางลิงค์ ก็ให้ใส่โค้ด rel=”nofollow“>
- ส่วนถ้าต้องการให้เป็น Dofollow ก็ไม่ต้องปรับแต่งใส่โค้ดอะไรเลย เพราะปกติมันก็เป็น Dofollow อยู่แล้ว
———————————————————————–
คำนี้เคยได้ยินกันไหมครับ DoFollow กับ Nofollow ถ้าเป็น Webmaster สมัยนี้ หรือ ผู้ที่ำทำ Blog น่าจะพอเข้าใจและได้ยินมาบ้าง วันนี้ผมจะมาอธิบายให้ฟังครับว่า มันคืออะไร?
DoFollow และ NoFollow เป็น Attribute ในการทำลิงค์ (AnchorTag) ซึ่งทั้ง 2 แบบนั้น ให้ผลที่แตกต่างกันค่อยข้างมาก ผมจะยกตัวอย่าง html ที่ใช้ attribute Nofollow ครับ เพราะโดย Default ของ Anchor Tag จะเป็น DoFollow อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเราจะใส่ NoFollow ก็ตามนี้เลยครับ
rel=”nofollow“>
Alt Tag กับรูปภาพ ควรใช้อย่างไรดี
Alt Tag กับรูปภาพ ควรใช้อย่างไรดี
{ Posted on พ.ค. 24 2010 by admin }
Tags : Alt Tag, Matcutts
Categories : SEO
Categories : SEO
Matt cutts วิศวกรของ Google ได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับ การใช้ “alt” tag กับ รูปภาพต่างๆ ว่า ควรใช้ยังไง หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ใส่แล้วมันช่วย SEO ได้ดีขึ้นจริงหรือ แล้วควรใส่เท่าไหร่ดี ลองมาฟังเขาพูดถึงเรื่องนี้กันดูนะครับ
Video : Matt cutts talking about “ALT” for images
Video : Matt cutts talking about “ALT” for images
Search Ranking Factor 2009
Search Ranking Factor 2009
สวัสดีครับ วันนี้ผม มีเรื่องราวเกี่ยวกับการทำ SEO ที่หลายๆ คนอยากรู้ มาเปิดเผยต่อ ซึ่งจริงๆ แล้ว ผมไม่ได้คิดขึ้นมาเองครับ แต่เกิดจากการระดมสมองของนักทำ SEO ระดับ Expert ทั่วโลก ได้ให้คะแนนสำหรับ ปัจจัยที่ทำให้อันดับในการค้นหาดีขึ้น ซึ่งสรุปได้ดังนี้ครับ
Search Ranking Factor 2009
- คีย์เวิร์ด ที่เป็นจุดเชื่อมโยงมาจากลิงค์ภายนอกเว็บไซต์ของเรา เช่น เราต้องการคีย์เวิร์ดคำว่า “SEO” ก็จะต้องมีคีย์เวิร์ดนี้ เป็นลิงค์มาจากเว็บอื่นๆ และที่สำคัญ คีย์เวิร์ดนี้จะต้องเป็นตัวหนา หรือ ด้วยนะครับ อันนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดในปี 2009 นี้ครับ
- ลิงค์มาจากภายนอกเว็บของเรา ต้องมีปริมาณมากๆ และมีคุณภาพด้วย หรือเว็บที่มี PageRank สูง หรือเว็บที่เป็นแนวเดียวกับเว็บของเราครับ อันนี้ถูกจัดให้สำคัญเป็นอันดับที่สองครับ
- ลิงค์ที่มาจากหลายๆ แหล่ง ไม่ซ้ำโดเมน หรือ Class IP จะยิ่งแจ่มครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลิงค์ที่มาจากหน้าหลักของเว็บนั้นๆ โดยตรง อันนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับสามครับ
- คีย์เวิร์ดที่ปรากฎอยู่ใน Title Tag ครับ ยิ่งอยู่ตำแหน่งแรกได้ยิ่งดี ปัจจัยอันนี้ รู้ๆ กันอยู่ครับ แต่ปีนี้ให้ความสำคัญเป็นอันดับที่สี่นะ
- ลิงค์ที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือทั้งหลาย (TrustRank) อันนี้เป็นความสำคัญอันดับที่ห้าครับ
การทำ SEO เกี่ยวกับ Visual Extras and SEO
การทำ SEO เกี่ยวกับ Visual Extras and SEO
{ Posted on เม.ย. 03 2009 by admin }
Tags : จาวาสคริปต์, เฟรม, แฟลช
Categories : SEO, การทำ SEO
Categories : SEO, การทำ SEO
|
การทำ SEO
เกี่ยวกับ Visual
Extras and SEO
| ||
1
|
JavaScript
|
เว็บที่ใช้โค้ดจาวาสคริปต์เยอะๆ ทำให้บอทวิ่งเก็บข้อมูลลำบาก
|
0
|
2
|
Images
instead of text links
|
ใช้ตัวหนังที่เป็นรูป แทนที่จะเป็นข้อความปกติ ถึงจะใช้ alt
tag ก็ยังไม่ดี
|
-1
|
3
|
Frames
|
เฟรม มีปัญหากับบอทเสมอ
ไม่ควรใช้ทำเว็บที่ต้องการให้ติดอันดับดีๆ
|
-2
|
4
|
Flash
|
สไปเดอร์บอท เก็บข้อมูลในไฟล์แฟลชได้ยาก
|
-2
|
5
|
A
Flash home page
|
ไม่ควรทำหน้าแรกด้วย แฟลชทั้งหน้า
|
-3
|
Google Caffeine คืออะไร?
Google Caffeine คืออะไร?
Google Caffeine คืออะไร?
Google Caffeine คืออะไร?
กูเกิ้ล คาเฟอีน คืออะไร เป็นสิ่งที่ Webmaster นักทำ SEO
ทั้งหลายให้ความสนใจมาหลายเดือนแล้ว บางคนก็อาจจะได้ทดสอบกันบ้างแล้ว กับ url นี้
www2.sandbox.google.com (แต่ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้วนะครับ) ซึ่ง Google Caffeine
จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เป็น Search Engine ใหม่ของกูเกิ้ลแต่อย่างใด มันเป็นโปรเจคลับๆ
อีกโปรเจคหนึ่ง ที่กูเกิ้ลได้เปิดเผยเพื่อให้หลายๆ คนได้ทดสอบโปรเจคนี้
ในการต่อยอดของ Search Engine ของตัวเอง (คิดว่าน่าจะเตรียมรับมือกับ Bing)
ซึ่งจากที่หลายๆ คนได้ทดสอบแล้ว ลองมาดูกันซิว่า เจ้า Google Caffeine ที่ว่านี่
มันทำอะไรได้บ้าง
การทำSEO เกี่ยวกับ Contents
การทำSEO เกี่ยวกับ Contents
{ Posted on เม.ย. 03 2009 by admin }
Tags : คอนเท้นท์, เนื้อหา
Categories : SEO, การทำ SEO
Categories : SEO, การทำ SEO
|
การทำ SEO
เกี่ยวกับ Content
| ||
1
|
Unique
content
|
เนื้อหาไม่ซ้ำ เนื้อหาที่เขียนเอง แตกต่างจากเว็บอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
ไม่มีที่ไหนในโลก
|
+3
|
2
|
Frequency
of content change
|
อัพเดทบ่อย
|
+3
|
3
|
Keywords
font size
|
ขนาดตัวอักษรของคีย์เวิร์ด เช่นใช้แท็ก
|
+2
|
4
|
Keywords
formatting
|
การจัดรูปแบบตัวอักษร เช่น ตัวหนา เอียง ขีดเส้นใต้
ตำแหน่งที่เป็นคีย์เวิร์ด
|
+2
|
5
|
Age
of document
|
อายุของเอกสารที่ล่าสุด หรือปรับปรุงบ่อยๆ
|
+2
|
6
|
File
size
|
ขนาดของไฟล์ไม่ใหญ่เกินไป หน้าเอกสารไม่ยาวมาก
|
+1
|
7
|
Poor
coding and design
|
การเขียนโค้ดและออกแบบที่แย่ต่อการค้นหาของเสิร์จเอนจิ้น
|
-2
|
8
|
Illegal
Content
|
เนื้อหาผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์
|
-3
|
9
|
Invisible
text
|
ซ่อนข้อความ โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดสำคัญๆ เอาไว้
คนมองไม่เห็นแต่บอทเห็น
|
-3
|
10
|
Cloaking
|
การปรับแต่งแก้ไขหน้าเพจเพื่อให้หน้าเพจที่ได้รับการแก้ไข ทำการหลอกให้แมงมุมเข้าไปยังอีกหน้าเพจหนึ่ง
|
-3
|
11
|
Doorway
pages
|
การปรับแต่งแก้ไขหน้าเพจที่เป็นการเอาเปรียบเว็บไซต์อื่นในการทำอันดับ โดยการทำหน้าที่มีเนื้อหาแต่ตัวอักษรที่ผู้เข้าชมทั่วไปไม่สามารถเห็นได้ แต่โรบอทสามารถมองเห็น
และทำการเก็บรายละเอียดของข้อมูลในหน้านั้นไป แต่ผู้เข้าชมจะถูกจัดส่งไปยังหน้าอื่นที่มีเนื้อหาจริงๆ อย่างรวดเร็ว
(Refresh
Page)
|
-3
|
12
|
Duplicate
content
|
ทำเนื้อหาซ้ำกับเว็บอื่น โดยไม่มีการปรับแต่ง
|
-3
|
เทคนิคในการสร้าง Link Popularity ให้กับเว็บบล็อก
เทคนิคในการสร้าง Link Popularity ให้กับเว็บบล็อก
การที่เราจะมี PageRank ดีๆ ติดอันดับในการค้นหา เป็นอันดับต้นๆ
ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องยากและก็ไม่ง่าย แต่ถ้ารู้วิธีการสร้าง Link Popularity
แล้วละก็ ไม่ยากเลยครับ ซึ่งวิธีการสร้าง Link Popularity นี้เอง เป็นสิ่งที่นัก
SEO ทั้งหลาย ต้องเรียนรู้และต้องสร้างให้ได้มากๆ จนถึงมากที่สุดเลยหล่ะครับ เอาละ
เรามาดูวิธีการสร้าง Link Popularity กันเลยดีกว่า
1. ไป Comment ที่บล็อกคนอื่นวิธีแรกเลยที่ผมมักจะทำบ่อยๆ ก็คือคอมเม้นท์ในบล็อกของคนอื่น ใจเขาใจเราหล่ะครับ เวลาเราทำบล็อกแล้วมีคนมาคอมเม้นท์ (ที่ไม่ใช่สแปม) เราก็จะรู้สึกดี และอยากจะคุยกับคนที่มาคอมเม้นท์ เพราะคนที่คอมเม้นท์ถือว่าเป็นคนที่สนใจเว็บบล็อกของเราจริงๆ ดังนั้นเราเม้นท์เขา เขาเม้นท์เรา ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนลิงค์กันได้ด้วยนะครับ
2. Link ไปหาบล็อกอื่นก่อน
อย่ารอให้เขาลิงค์มาหาเราก่อน เราต้องลิงค์ไปหาเขาก่อนจะดีที่สุด เพราะเขาจะเห็นว่าเขามีความสำคัญ หลังจากนั้น เมื่อเราลิงค์ไปหาเขาแล้ว ก็เมล์ไปบอกว่าเราติดลิงค์ให้เขาแล้ว ถ้าไม่รบกวนเกินไปก็กรุณาลิงค์กลับมาด้วยนะครับ อะไรประมาณนี้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือเว็บเราดีจริง รับรองว่าเขาต้องลิงค์กลับมาแน่นอนครับ
3. Submit บล็อกเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ
ข้อนี้ต้องขยันนิดนึง เพราะคุณต้อง submit บล็อกของเราเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ข้อได้เปรียบของบล็อกก็คือ คุณสามารถโปรโมทบล็อกไปสู่ search engine ของเว็บได้ และยังโปรโมทไปสู่ search engine เฉพาะทางเช่นพวก Blog Search Engine ได้อีกด้วย
4. ออกแบบบล็อกให้ดูดีสวยงาม
อันนี้ลองดู เว็บ Template สวยๆ ทั้งหลาย เช่น Templatemonster อันนี้ก็เจ๋งดี ดูเป็นแนวทางนะครับ อย่าไปก็อปเขามาทั้งดุ้น เอามาปรับแต่ง ใส่ไอเดียเราเข้าไป เพื่อให้เกิดเป็นเว็บตามสไตล์ของเราจริงๆ
5. ใช้ CSS ในการออกแบบบล็อกออกแบบเว็บด้วย CSS และใช้ Validator HTML ให้ผ่านด้วย ช่วยให้เว็บของเรามีโค้ดที่ดูง่ายสะอาด ทำให้ บอทต่างๆ วิ่งเก็บข้อมูลได้สะดวก การเชื่อมโยงลิงค์ทำได้ง่าย ช่วยให้การทำ SEO ของเรา ได้อันดับดีไปด้วย
1. ไป Comment ที่บล็อกคนอื่นวิธีแรกเลยที่ผมมักจะทำบ่อยๆ ก็คือคอมเม้นท์ในบล็อกของคนอื่น ใจเขาใจเราหล่ะครับ เวลาเราทำบล็อกแล้วมีคนมาคอมเม้นท์ (ที่ไม่ใช่สแปม) เราก็จะรู้สึกดี และอยากจะคุยกับคนที่มาคอมเม้นท์ เพราะคนที่คอมเม้นท์ถือว่าเป็นคนที่สนใจเว็บบล็อกของเราจริงๆ ดังนั้นเราเม้นท์เขา เขาเม้นท์เรา ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนลิงค์กันได้ด้วยนะครับ
2. Link ไปหาบล็อกอื่นก่อน
อย่ารอให้เขาลิงค์มาหาเราก่อน เราต้องลิงค์ไปหาเขาก่อนจะดีที่สุด เพราะเขาจะเห็นว่าเขามีความสำคัญ หลังจากนั้น เมื่อเราลิงค์ไปหาเขาแล้ว ก็เมล์ไปบอกว่าเราติดลิงค์ให้เขาแล้ว ถ้าไม่รบกวนเกินไปก็กรุณาลิงค์กลับมาด้วยนะครับ อะไรประมาณนี้ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง หรือเว็บเราดีจริง รับรองว่าเขาต้องลิงค์กลับมาแน่นอนครับ
3. Submit บล็อกเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ
ข้อนี้ต้องขยันนิดนึง เพราะคุณต้อง submit บล็อกของเราเข้าสู่ Search Engine ต่าง ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ ข้อได้เปรียบของบล็อกก็คือ คุณสามารถโปรโมทบล็อกไปสู่ search engine ของเว็บได้ และยังโปรโมทไปสู่ search engine เฉพาะทางเช่นพวก Blog Search Engine ได้อีกด้วย
4. ออกแบบบล็อกให้ดูดีสวยงาม
อันนี้ลองดู เว็บ Template สวยๆ ทั้งหลาย เช่น Templatemonster อันนี้ก็เจ๋งดี ดูเป็นแนวทางนะครับ อย่าไปก็อปเขามาทั้งดุ้น เอามาปรับแต่ง ใส่ไอเดียเราเข้าไป เพื่อให้เกิดเป็นเว็บตามสไตล์ของเราจริงๆ
5. ใช้ CSS ในการออกแบบบล็อกออกแบบเว็บด้วย CSS และใช้ Validator HTML ให้ผ่านด้วย ช่วยให้เว็บของเรามีโค้ดที่ดูง่ายสะอาด ทำให้ บอทต่างๆ วิ่งเก็บข้อมูลได้สะดวก การเชื่อมโยงลิงค์ทำได้ง่าย ช่วยให้การทำ SEO ของเรา ได้อันดับดีไปด้วย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)